ในช่วงฤดูหนาวที่หลายคนรอคอยที่จะไปท่องเที่ยวตามเทศกาลต่างๆ กลับต้องเที่ยวอย่างไม่สนุกเหมือนทุกครั้งเพราะฤดูกาลนี้มักจะมาพร้อมฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปีจนทำให้ท้องฟ้าในตอนเช้ากลายเป็นหมอกขาวที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นมลพิษ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง
แพทย์หญิงบุณยพัต ลิ้มทองกุล แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด เช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์, การก่อสร้าง, โรงงานอุตสาหกรรม โดยฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานทั้งในกรุงเทพปริมณฑลและต่างจังหวัด ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ หลอดเลือด และผิวหนัง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผิวหนัง สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
·ผลกระทบแบบเฉียบพลัน จะทำให้เกิดผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบบนใบหน้า หรือตามร่างกายบริเวณที่สัมผัสกับฝุ่น, ทำให้เกิดสิว, กระตุ้นผื่นเดิมที่เคยเป็น ให้เป็นมากขึ้น เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบ ลมพิษ สะเก็ดเงิน
·ผลกระทบแบบเรื้อรัง จะทำให้เซลล์ในผิวเสื่อมชราและเกิดริ้วรอยก่อนวัย เม็ดสี ฝ้า และกระเพิ่มขึ้น เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีผลให้เกิดสารก่ออนุมูลอิสระ (free radicals)
วิธีป้องกันผิวหนังจาก PM 2.5
·ควรใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกายเมื่อออกนอกอาคาร เช่น ถ้าต้องไปที่ฝุ่นมาก ควรใส่หน้ากาก เลือกเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
·หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีค่าฝุ่นสูงเป็นเวลานาน
·หลังจากสัมผัสฝุ่น ควรรีบอาบน้ำ ล้างหน้า ชำระล้างร่างกายทันที
·ควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น สุภาพดี เป็นเกราะป้องกันผิว
·ในกลุ่มเสี่ยงเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวทางผิวหนัง และผู้มีอาการภูมิแพ้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นและบริเวณที่มีค่าฝุ่นสูง
ทั้งนี้หากพบความผิดปกติในร่างกาย เช่น มีผื่น สิว หรือปัญหาโรคผิวหนังควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและให้ผิวกลับมาสวยเหมือนเดิม